3 สิ่งที่ควรทำ + 2 สิ่งที่ “ไม่ควรทำ” ในการทำการตลาดด้วยสินค้าพรีเมี่ยม
นักการตลาดที่ช่ำชองทั้งหลายอาจรู้แล้วว่า การใช้สินค้าส่งเสริมการขาย สินค้าพรีเมี่ยม หรือที่เรียกกันบ้านๆ ว่า “ของแจกลูกค้า” มาใช้ทำการตลาดร่วมกับช่องทางการตลาดอื่นๆ นั้น สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดและทำให้แบรนด์หรือบริษัทเป็นที่รู้จักได้เป็นอย่างดี โดยงานวิจัยผู้บริโภคของสมาคมสินค้าส่งเสริมการขายนานาชาติ (Promotional Products Association International) ระบุว่า ในช่วงหกเดือนหลังของปี 2017 ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับแจกสินค้าพรีเมี่ยม 83 เปอร์เซ็นต์มีแนวโน้มที่จะติดต่อปฏิสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทที่เป็นผู้แจกสินค้าส่งเสริมการขายนั้น และผู้บริโภคกว่า 82 เปอร์เซ็นต์จดจำภาพลักษณ์ที่ดีเกี่ยวกับแบรนด์
อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นหนึ่งในนักการตลาดที่ตกลงปลงใจแล้วว่าจะนำของพรีเมี่ยมเข้ามาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดละก็ มีข้อคำนึงบางประการที่คุณควรทราบไว้ ในบทความนี้ เราได้รวบรวม “3 สิ่งที่ควรทำและ 2 สิ่งที่ไม่ควรทำ” ในการทำตลาดด้วยสินค้าพรีเมี่ยมมาฝากกัน เริ่มกันเลย
3 สิ่งที่ควรทำ
สิ่งที่ควรทำ 1 : ให้คำนึงถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายไว้เสมอ
คุณคงรู้อยู่แล้วว่ากลุ่มลูกค้าปัจจุบันของคุณคือใคร และเราก็หวังว่าคุณจะรู้ด้วยว่า ใครเป็นกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการเปลี่ยนให้กลายมาเป็นลูกค้าของคุณ โดยไม่ว่าสินค้าพรีเมี่ยมนั้นๆ จะถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในแคมเปญ ในโครงการ หรือในงานอีเวนท์ใดก็แล้วแต่ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าจะมอบสินค้าพรีเมี่ยมอะไรให้กับลูกค้า คุณจำเป็นต้องรู้ว่ากลุ่มผู้รับของแจกเหล่านั้นเป็นใครเสียก่อน
หากคุณสามารถให้ของแจกลูกค้าที่เป็นของที่พวกเขาชอบและสนใจได้ ก็นับได้ว่ากลยุทธ์แจกของโปรโมชั่นของคุณประสบความสำเร็จ มันแปลได้ว่าเงินที่คุณลงทุนไปนั้นถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์จริงๆ แบรนด์ของคุณกำลังถูกรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ และก็เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนต่อการลงทุน (ROI) ในอีกไม่ช้า ส่วนลูกค้าที่ได้รับของแจกไปก็จะแฮปปี้ เพราะพวกเขาได้รับสินค้าที่พวกเขาชื่นชอบมา “แบบฟรีๆ”
สิ่งที่ควรทำ 2 : คำนึงถึงเรื่องโลจิสติกส์หรือการกระจายสินค้าพรีเมี่ยม
เมื่อคุณรู้แล้วว่ากลุ่มเป้าหมายของสินค้าแจกนั้นคือใคร คุณก็ต้องมาพิจารณาว่าจะกระจายสินค้าไปถึงมือพวกเขาอย่างไร และเมื่อคุณหาวิธีการกระจายสินค้าให้ไปถึงมือผู้รับได้แล้ว คุณก็ยังต้องมาพิจารณาต่อว่า สินค้าแจกที่คุณจะแจกจ่ายออกไปนั้นเหมาะสมและเข้ากันกับแผนการกระจายสินค้าของคุณหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น เสื้อยืดสกรีนที่ใช้ผ้าหนาและหนักอาจไม่เหมาะสำหรับนำมาทำเป็นของแจกในงานแสดงสินค้า เพราะคนมีแนวโน้มที่จะไม่อยากถือมันไปมาตลอดทั้งวัน และพวกเขาอาจจะไม่มีพื้นที่ในกระเป๋าเพียงพอที่จะเอามันกลับไปที่บ้านด้วย ในกรณีนี้ การมอบเสื้อยืดสกรีนดังกล่าวเป็นของขวัญแจกพนักงานอาจจะดูเข้าท่ากว่า
สิ่งที่ควรทำ 3 : อย่าลืมพ่วง Call to Action เข้าไปด้วย
การวุ่นอยู่กับการเตรียมการทำสินค้าพรีเมี่ยมอาจทำให้คุณหลงลืมสิ่งสำคัญไป นั่นก็คือวัตถุประสงค์ของการแจกสินค้าพรีเมี่ยมให้กับลูกค้า อย่าลืมถามตัวเองว่า คุณต้องการแจกสินค้าเหล่านั้นไปทำไมกัน คุณต้องการให้ลูกค้าที่ได้รับแจกของเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณหรือเปล่า หรือต้องการให้พวกเขาเข้าไปมีส่วนร่วมกับช่องทางโซเชียลมีเดีย ทุกครั้งที่คุณจะทำกลยุทธ์สินค้าส่งเสริมการขาย คุณควรคิดไปให้ไกลกว่าแค่การแจกของ และควรพ่วง “Call to Action” หรือสิ่งที่จะกระตุ้นให้ผู้ได้รับแจกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามที่คุณต้องการด้วย
ยกตัวอย่างบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ทำสินค้าแจกโดยมีวัตถุประสงค์คือให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในแคมเปญทางโซเชียลมีเดีย โดยเมื่อลูกค้าได้รับสินค้าพรีเมี่ยมไปแล้ว พวกเขาก็ถูกเชิญชวนให้ถ่ายรูปคู่กับสินค้าพรีเมี่ยมดังกล่าวและโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของตนพร้อมใส่แฮชแท็กซึ่งเป็นชื่อของแคมเปญนั้นๆ
2 สิ่งที่ “ไม่ควร” ทำ
สิ่งที่ “ไม่ควร” ทำ 1 : อย่ารอให้ถึงนาทีสุดท้ายแล้วค่อยสั่งทำสินค้าพรีเมี่ยม
การทำสินค้าพรีเมี่ยมย่อมต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้น คุณควรวางแผนการสั่งซื้อให้ดีๆ หากคุณยังไม่รู้ว่าคุณต้องการทำของแจกอะไรดี คุณอาจขอให้พนักงานขายหรือตัวแทนของบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มานำเสนอสินค้าที่คาดว่าจะเข้ากับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ สิ่งที่จะช่วยคุณในการประมาณการงบประมาณ กะเกณฑ์จำนวนสินค้า และกำหนดขอบเขตระยะเวลาในการจัดซื้อ จัดทำ และการกระจายสินค้าได้
อย่าลืมว่าคุณควรสั่งทำสินค้าพรีเมี่ยมตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากสินค้าพรีเมี่ยมเป็นสินค้าที่ต้องผ่านการปรับแต่งและดีไซน์เพื่อให้เข้ากับแบรนด์ของคุณเพื่อที่จะทำให้แบรนด์ของคุณโดดเด่น การวางแผนอย่างดีจะทำให้คุณมีเวลาสำหรับกระบวนการด้านการดีไซน์และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจากการสั่งทำสินค้าพรีเมี่ยมอย่างด่วนด้วย
สิ่งที่ “ไม่ควร” ทำ 2 : อย่าทำให้กระบวนการแจกสินค้าพรีเมี่ยมยุ่งยาก
คุณควรแน่ใจว่า แคมเปญการตลาดด้วยการใช้ของแจกลูกค้านั้นไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยาก ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการแจกสินค้าส่งเสริมการขายเพื่อแลกกับอีเมลและเบอร์ติดต่อของลูกค้าในงานแสดงสินค้าล่ะก็ ทำกระบวนการขออีเมลและเบอร์ติดต่อให้ง่ายเข้า อาจจะด้วยการทำกล่องให้ลูกค้าใส่นามบัตรแทนที่จะต้องเขียนอีเมลด้วยมือ หรือมีไอแพดให้ลูกค้ากรอกอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ได้ง่ายๆ เพราะยิ่งคุณทำให้กระบวนการแจกสินค้าพรีเมี่ยมยุ่งยากขึ้นเท่าไหร่ ลูกค้าก็อาจถอดใจไม่รับสินค้านั้นก็ได้ อันจะเป็นผลเสียแก่แคมเปญของคุณเสียเปล่า
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการทำการตลาดด้วยการใช้ของแจกลูกค้าเป็นอีกวิธีที่หนึ่งที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำมาใช้ร่วมกับช่องทางการตลาดอื่นๆ ได้ มันเป็นการนำแบรนด์ของคุณไปหาลูกค้า และของพรีเมี่ยมที่จับต้องได้เหล่านั้นก็อยู่ได้นานกว่าการโฆษณาประเภทอื่นๆ ด้วย
เรารู้ดีว่าการเลือกสินค้าพรีเมี่ยมที่เหมาะสมกับแบรนด์และกลุ่มลูกค้าของคุณอาจไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ยูซีที (เอเชีย) เรามีผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจการทำการตลาดด้วยกลยุทธ์สินค้าส่งเสริมการขายที่พร้อมจะพูดคุยและให้คำปรึกษากับคุณ เรายังมีตัวอย่างสินค้าพรีเมี่ยมมากมายมาให้คุณได้เลือกเพื่อเป็นไอเดีย นอกจากนี้ เรายังมีทีมนักออกแบบที่จะมาช่วยให้คำปรึกษาในเรื่องการออกแบบ เพื่อให้สินค้าพรีเมี่ยมที่คุณจะแจกจ่ายให้แก่ลูกค้านั้นเข้ากับอัตลักษณ์และสามารถส่งสารที่แบรนด์ของคุณต้องการสื่อออกไป